Hello...!

ได้เวลา ชิลล์...

Dai--Wayla--Chill Travel is My Passion By Nichapa Jeakkhajorn

About me

Hello

I'mNichapa

Developer and Startup entrepreneur

Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book. It has survived not only five centuries, but also the leap into electronic typesetting, remaining essentially unchanged. It was popularised in the 1960s with the release of Letraset sheets containing Lorem Ipsum passages, and more recently with desktop.

experience

Front-End Development

2012-2016

Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the

UI/UX Design

2012-2016

Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the

Website production

2012-2016

Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the

Website maintain

2012-2016

Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the

service

Easily Customised

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua.

MODERN DESIGN

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua.

User Friendly

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua.

RESPONSIVE DEVELOPMENT

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua.

USER EXPERIENCE

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua.

Lovely Design

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua.

3000

LINES OF CODE

50

COFFEE CUPS

324

BOOKS

1234

GIFTS

Portfolio

ไทยเบฟ สานต่อความสำเร็จ Big Project แห่งปี “River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ครั้งที่ 4


คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีแถลงข่าวงาน “River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย”  กับการสานต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ Big Project การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมแห่งปี ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4  กับ เทศกาลวัฒนธรรมร่วมสมัยที่เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวทั้งทางบก และทางน้ำ สู่ชุมชน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้ง 9 ท่าน้ำ ที่จะจัดขึ้นพร้อมกัน 4 วัน 4 คืน ตลอดริมโค้งน้ำที่ยาวที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมี คุณกมลนัย ชัยเฉนียน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ  จำกัด (มหาชน) ในนามประธานโครงการ “River Festival 2018” สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย พร้อมด้วย หน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมพิธีแถลงข่าว ณ ลานหน้าพระปรางค์  วัดอรุณราชวรรามราชวรมหาวิหาร

คุณกมลนัย ชัยเฉนียน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) 
เกี่ยวกับรายละเอียดงานนี้ คุณกมลนัย ชัยเฉนียน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)  ในนามประธานการจัดงาน “River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย”  เผยว่า “บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ริเริ่มการจัดงาน “River Festival  สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย”


เทศกาลวัฒนธรรมร่วมสมัย และมหกรรมลอยกระทงบนโค้งน้ำที่ยาวที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยาที่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2557 ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ให้การสนับสนุนทั้งหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่นำโดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา/ กระทรวงวัฒนธรรม/ กองทัพเรือ/ กรุงเทพมหานคร/ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย/ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร/ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร/ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร/ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร/ ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค /และเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ /ล้ง 1919 / กลุ่มโรงแรมริมแม่น้ำ /เรือด่วนเจ้าพระยา ร่วมด้วย PM CENTER  ผู้ให้การสนับสนุนหลักการจัดงานด้านแสง สี เสียง เป็นอย่างดียิ่งมาโดยตลอด รวมไปถึง พันธมิตรสื่อมวลชน และ ในปีนี้ยังได้ขยายความร่วมมือไปยัง ไอคอนสยาม อาณาจักรศูนย์การค้า แห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และอีกหลายภาคส่วนที่มาร่วมกันสานต่อแนวคิดของการสืบสาน เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของไทย พร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันบอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก


เทศกาลสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ในปีนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4  ภายใต้แนวคิด   “สุข แสง ศิลป์” ที่สามารถเที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. งานเดียวที่นักท่องเที่ยวจะได้สักการะไหว้พระทั้ง 4 วัด ในยามค่ำคืน และชมความงดงามของสายน้ำเจ้าพระยา สุขไปกับกิจกรรมสรรค์สุข สนุกไปกับแสงสี และอิ่มเอมไปกับมรดกศิลป์ทรงคุณค่า เชื่อมโยงวิถีแห่งศิลป์ วิถีแห่งวัฒนธรรมอันดีงาม ตลอดริมโค้งน้ำที่ยาวที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา และในปีนี้ ยังเพิ่มความพิเศษด้วยการเชื่อมโยงจุดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยของ Bangkok Art Biennale 2018 ที่จะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชมในงานเทศกาลสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ได้อิ่มเอมไปกับวิถีแห่ง “สุข แสง ศิลป์” และตื่นเต้น ประทับใจไปกับชิ้นงานศิลปะ กว่า 200 ชิ้นงาน จาก 75 กลุ่มศิลปินชื่อดังระดับโลกที่นำมาจัดแสดงไว้ตามสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และ Landmark ของกรุงเทพมหานคร กว่า 20 แห่ง ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 อีกด้วย


ทั้งหมดนี้ ยังคงสะท้อน และถ่ายทอดให้เห็นถึงศิลปวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของไทย   โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อร่วมกัน เรียนรู้ ส่งเสริม  สืบสาน มรดก และวัฒนธรรมไทยสู่คนไทยและสากล  พร้อมเชื่อมต่อสายสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างชุมชน วัด โรงเรียน ให้เกิดการพัฒนา และเชื่อมโยงเครือข่ายทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน และยังเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้โดดเด่นในเชิงศิลปวัฒนธรรม ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจ ที่คณะผู้จัดงานได้ร่วมกันสืบสาน ประเพณีอันดีงาม และวิถีชีวิตริมน้ำที่สะท้อนคุณค่าเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ที่จะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติให้หลั่งไหลกันเข้ามาสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย


 ต้องขอขอบคุณ พันธมิตรทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสนับสนุนการจัดงาน “River Festival สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย”  ด้วยดีมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสื่อมวลชนที่ช่วยเป็นกระบอกเสียงสำคัญในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งาน River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย  ให้เกิดการรับรู้อย่างกว้างขวาง          เพื่อร่วมกันบอกเล่าความเป็นไทย ให้ดังไกลไปทั่วโลก”

งาน “River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ครั้งที่ 4 จะจัดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2561 นี้ เรียกว่าเป็นงานเดียวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจะได้มาลอยกระทงในมุมใหม่บนโค้งน้ำเจ้าพระยาที่ยาวที่สุด เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมโยงวิถีแห่งศิลป์ วิถีแห่งวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชนริมสายน้ำเจ้าพระยา แต่ละพื้นที่จะมีกิจกรรมและการแสดง อาทิ นักท่องเที่ยวจะได้สักการะไหว้พระ ทั้ง 4 วัดในยามค่ำคืน และชมความงดงามของสายน้ำเจ้าพระยา ลอยประทีปบูชารอยพระพุทธบาทสร้าง สิริมงคล และทำการขอขมาพระแม่คงคา ร่วมชมศิลป์ร่วมสมัยจากชุมชนกับการประดับตกแต่งสถานที่ด้วยวัสดุจากชุมชน และการประดับไฟ พร้อมเพลิดเพลินอร่อยเด็ดไปกับร้านค้าชุมชนมากมาย


โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานเพื่อเป็นการสร้างการเรียนรู้ ส่งเสริม และสืบสาน มรดกไทยสู่คนไทยและสากลโดยผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ได้แก่ บ้าน วัด โรงเรียน เพื่อเป็นการเพิ่มความผูกพันและการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจของคนในชุมชน และไม่ลืมที่จะสร้างความต่อเนื่อง อันนำไปสู่การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ทั้งหมดนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสในการกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างชุมชนเข้มแข็งไปในตัว

นอกจากนี้ ยังคงสานต่อความสำเร็จของอีกสองโครงการใหญ่ ภายใต้การจัดงาน ‘River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” คือ ‘คลีนคลอง’ และ ‘เยาวชนเจ้าบ้าน สืบสานวัฒนธรรม’ สำหรับโครงการ ‘คลีนคลอง’ ในปีนี้เราจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งได้มีการขยายพื้นที่การทำความสะอาด และปรับภูมิทัศน์ชุมชนไปยังวัด และสวนสาธารณะของชุมชน เรียกได้ว่าเป็นการร่วมกันฟื้นฟูทัศนียภาพของแม่น้ำลำคลองในช่วงหลังเทศกาลลอยกระทง ด้วยการกำจัดขยะภายในคูคลอง และบริเวณใกล้เคียง เพื่อสร้างภูมิทัศน์โดยรอบชุมชนให้สะอาด และมีความน่าอยู่อย่างยั่งยืน


โครงการ ‘เยาวชนเจ้าบ้าน สืบสานวัฒนธรรม’  ในปีนี้ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ปกครอง และเยาวชนในชุมชนเป็นจำนวนมากที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโครงการ และความพิเศษในปีนี้คือต้องการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้กับเยาวชนให้กล้าที่จะสื่อสาร มีการเล่าเรื่องให้สนุกน่าติดตาม และให้ความรู้เกี่ยวกับชิ้นงานศิลปะ BAB หรือ งานบางกอกอาร์ตเบียนนาเล่ เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ผ่านเยาวชนที่เป็นลูกหลานของชุมชนริมน้ำ ที่ถือเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีความรัก ความหวงแหนวัฒนธรรรมวิถีชีวิตแบบไทย ที่ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้เผยแพร่เรื่องราวดี ๆ  ของชุมชนตนเอง   จนก่อให้เกิดการท่องเที่ยวโดยชุมชนและความยั่งยืนอีกด้วย

ขอเชิญชวนร่วมสัมผัส และดื่มด่ำกับบรรยากาศแสงจันทร์ที่สวยงามริมแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนกับมนต์เสน่ห์แห่งสายน้ำ และประเพณีอันดีงาม ในงาน “River Festival  2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ตั้งแต่วันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2561 นี้ ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. สอบถามหรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ http://www.riverfestivalthailand.com และ facebook/riverfestivalthailand

อธิบดี พช. นำคณะสื่อมวลชนสัญจร..สัมผัส OTOP Village 4 จังหวัดอันดามัน


4 จังหวัดอันดามันสตูล-ตรัง-กระบี่-ภูเก็ต..ไปแล้วจะรัก..

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน "นิสิต จันทร์สมวงศ์” นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เยือนหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว  OTOP Village ในเส้นทางที่ 6 อันดามัน "สตูล ตรัง กระบี่ ภูเก็ต" หนึ่งใน 8 เส้นทาง เพื่อดึงดูดและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทาง  สัมผัสบรรยากาศท่องเที่ยววิถีชุมชน  เรื่องราวดีดีจากหมู่บ้าน OTOP ปากบารา บ่อเจ็ดลูก เสน่ห์พื้นถิ่น สมกับความเป็นอุทยานธรณีโลก เยือนบ้านพรุจูด-บ่อหินฟาร์มสเตย์ แวะบ้านหนังไหนแหล่งเที่ยวบริสุทธิ์ นั่งสามล้อชมจุดเครื่องบินแลนดิ้ง ไปดูการทำ"ส้มควาย"ที่บ้านหัวควน เชคอิน แชะ ชม ชิม ช้อป แชร์..ไป.แล้วจะ..รัก..

​ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการเข้าถึงบริการของรัฐ เน้นการสร้างโอกาส อาชีพและการมีรายได้ที่มั่นคง  โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็ง โดยการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว 8 เส้นทาง 31 จังหวัด 125 หมู่บ้าน บนพื้นฐานของอัตลักษณ์และภูมิปัญญาพื้นถิ่น วัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมของชุมชน สู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนเพื่อสร้างรายได้สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน


นอกจากเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวให้กลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไปเกิดการรับรู้ รับทราบ เข้าใจ มีทัศนคติที่ดีและมีความเชื่อมั่นไว้วางใจในด้านภาพลักษณ์ของกรมการพัฒนาชุมชนและภาพลักษณ์การดำเนินงานโครงการฯจนนำไปสู่การเชื่อมโยงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนหรือเกิดความร่วมมือกับองค์กรในการพัฒนาต่อยอดแล้ว ยังสนับสนุนและตอบโจทย์โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ที่มีกลไกการขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับชาติสู่ระดับพื้นที่ มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในรูปแบบประชารัฐ โดยการวิเคราะห์ปัญหาความต้องการของประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ  สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับคนในชุมชน เสริมความแกร่งให้เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง


นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้รับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การนำของ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้จัดทำโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว ตามเขตพัฒนาการท่องเที่ยว 8 เส้นทาง 31 จังหวัด 125 หมู่บ้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็ง โดยใช้อัตลักษณ์ของท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าและคุณค่า ภายใต้การบูรณาการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนนั้นที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง สามารถส่งเสริมให้ชุมชนเกิดการตื่นตัวและเกิดการรวมพลังในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาทรัพยากรของชุมชนให้มีคุณค่า ช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินการต่อยอดโครงการฯ ด้วยการจัดกิจกรรมสื่อมวลชนเยี่ยมชมหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว (Press Tour) เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ชุมชนเพื่อการเผยแพร่ไปยังสื่อต่างๆดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งได้นำร่องเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา ชุด OTOP Village..ไปแล้วจะรัก  สื่อแนวคิด “เที่ยว-หา-เรื่อง” โดยมี “เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ไปแล้ว

​โดยเส้นทางที่ 6  ระหว่างวันที่  24-26 ตุลาคม 2561  เป็นเส้นทาง อันดามัน"สตูล ตรัง กระบี่ ภูเก็ต"


วันที่ 24 ต.ค. ตั้งต้นกันที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หนึ่งในพื้นที่อุทยานธรณีโลก ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนปากบารา ,บ่อเจ็ดลูก ต.ปากน้ำ อำเภอละงู  จ.สตูล  สำหรับหมู่เกาะเภตรา มีพื้นที่ 494.38 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมที่ดินป่าเกาะเภตรา เกาะเขาใหญ่  และหมู่เกาะใกล้เคียงนับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 49 ของประเทศไทย ชมสะพานข้ามกาลเวลา เชคอิน ณ จุดชมวิวปากบารา ที่ตั้งของท่าเรือท่องเที่ยว ชมกลุ่มหัตถศิลป์พื้นบ้านปากบารา ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าวและสินค้าโอทอป  เยือนแหลมเต๊ะปันชมวิถีชาวประมงบ้านปากบารา ชมวิถีชีวิตดั้งเดิมสัมผัสวิถีการขุดหอย ทักทายปูทหาร ซึ่งที่นี่มีทั้งอาหารทะเลสดและแปรรูป ยังมีรังนกเกรดดี   มีอาหารพื้นเมือง เช่น แกงตูมิ ยำปลาหลังเขียว ปลายัดไส้ ฯ มีวัฒนธรรมพื้นถิ่น เช่น การร่ายรำการีกีปัส ระบำชาชัก


​ไปยังอ่าวโต๊ะบ๊ะ เกาะเขาใหญ่  ที่มีจุดชมวิวที่สวยที่สุด ชมแหล่งฟอสซิลได้ท้องทะเลในยุคออโดวิเชียนเมื่อสี่ร้อยล้านปี พร้อมกับรับประทานอาหารเที่ยงพื้นถิ่น อิ่มท้องแล้วค่อยล่องเรือคายัคถ้ำลอดพบรัก ,ถ้ำโล๊ะพางของโจรสลัด ระหว่างทางชมความงามของจันผาพันปี ชมประติมากรรมธรรมชาติสรรค์สร้างความมหัศจรรย์ของหินคล้ายปราสาทที่มียอดแหลมนับพัน หนึ่งในนั้นคือ ปราสาทหินพันยอด ที่ต้องพายเรือคายัคลอดผ่านช่องแคบเข้าไป ชมผาใช้หนี้ หินตาหินยายและสันหลังมังกร


​เยี่ยมบ้านบ่อเจ็ดลูก หรือที่ภาษามาลายูเรียกว่า “ลากาตูโยะ” มีตำนานเล่าว่าบุคคลกลุ่มแรกที่เข้าไปอาศัยอยู่เป็นพวกชาวเลหรือชาวน้ำที่อพยพมาจากเกาะซึ่งอยู่ห่างไกลออกจากฝั่งไปมาก เมื่ออพยพมาอยู่นั้น พวกเขาได้ขุดบ่อน้ำบ่อแล้วบ่อเล่าก็ไม่มีน้ำจนถึงบ่อที่ 7 ถึงจะมีน้ำออกมา ใช้เป็นน้ำดื่มน้ำใช้ โดยหลักฐานยังมีปรากฏถึงทุกวันนี้ จึงได้ชื่อว่า “บ้านบ่อเจ็ดลูก”

เชื่อว่าเมื่อใครได้มาเยือน GEOPARK  ปราสาทหินพันยอด พายเรือคายัค ชมถ้ำลอดพบรัก  อื่มอร่อยกับอาหารพื้นถิ่น จะประทับใจ และหลงรักไม่รู้ลืม......,



ขอบคุณข่าวจาก :: สถานีข่าว พช.CNS 

#โครงการไทยนิยมยั่งยืน   #กรมการพัฒนาชุมชน #otopvillageไปแล้วจะรัก #otopvillage #เน้นการมีส่วนร่วม #ลดความเหลื่อมล้ำ #เพิ่มรายได้กับประชาชนอย่างยั่งยืน #ท่องเที่ยว #วิถีไทย #วีถีชุมชน #ความสุข #สตูล

เยือนหมู่บ้าน OTOP จังหวัดเพชรบุรี-ชุมพร "แล้วคุณจะ..รัก..เขา"



กิจกรรมสื่อมวลชนเยี่ยมชม หมู่บ้าน OTOP  เพื่อการท่องเที่ยว (ฝั่งทะเลตะวันตก)  เพชรบุรี-ชุมพร-ระนอง" เมื่อวันที่ 20-21 ตุลาคม 2561   ตามโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว (OTOP Village ) ทริปนี้ InsighoutStory มีโอกาสได้ร่วม ชม ช๊อป ชิม ไปกัน 2 วัน  ไปไหนบ้างตามมาเลยค่ะ

วันแรกเชคอิน... จังหวัดเพชรบุรี.. 

บ้านร่องใหญ่... สารพัดจะฟิน..

หากดูตามปฏิทินฤดูกาล วันที่  20-21 ตุลาคม 2561 ในเส้นทางปักษ์ใต้นั้น จะย่างเข้าฤดูฝนเกือบจะเต็มตัวแล้ว แต่สื่อสัญจรคณะเรา ไม่หวาดหวั่นกับกิจกรรม สื่อมวลชนสัญจร....ฝั่งทะเลตะวันตก เพชรบุรี - ชุมพร -ระนอง   เดินทางจากกรุงเทพ -สู่หมู่บ้านร่องหัน เพื่อเยือนหมู่บ้านร่องใหญ่ (กังหันทอง) เพชรบุรี ที่นี่นอกจากเราจะประทับใจกับการต้อนรับจากระบำกลองยาว ที่หน้าศูนย์กังหันทอง





 เราจะได้ชมทะเลโคลน  ,ฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่น





ถ่ายภาพจุด landmark







และร่วมฐานกิจกรรมสาธิตสปา



และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกลือ




สำหรับ บ้านร่องใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เดิมเรียกว่า บ้านช่องขาด เนื่อง จากบริเวณพื้นที่หมู่บ้านเป็นป่าใหญ่ ต่อมามีการสร้างถนนทำเส้นทาง จนเหลือช่องขาดอยู่เพียงช่องเดียว ปัจจุบันกลายเป็นคลองขนาดใหญ่ตัดผ่านหมู่บ้าน จึงเรียกกันว่า“บ้านร่องใหญ่” 


หมู่บ้านมีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย มีป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรทางทะเลที่มีคุณค่า ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา และที่นี่ยังเป็นเส้นทางสายเกลือ (Scenic route) แหล่งผลิตเกลือสมุทรที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอีกด้วย โดยตลอดเส้นทาง ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวที่มีจุดชุมวิวและกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม  ขณะนี้ได้มีการเพ้นต์ภาพแต่งแต้มสีสันโรงเก็บเกลือที่อยู่ริมทางให้มีความสวยงาม เป็นภาพสื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนทำเกลือ




ยังมีการสร้างสะพานไม้ทอดยาวลงไปในนาเกลือ พร้อมการต้อนรับของฝูงนกนางนวล เป็นจุดถ่ายภาพธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้จอดรถลงมาเก็บภาพสวยงามเมื่อผ่านเส้นทาง   โดยเฉพาะช่วงยามเย็นฟ้าเปิดจะเห็นภาพพระอาทิตย์ตก ขณะนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก  จนถือเป็นแลนด์มาร์คถนนสายเกลือและหมู่บ้านร่องใหญ่ เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอบ้านแหลม



ในพื้นที่ยังมีกังหันลมขนาดใหญ่ มีร้านค้าชุมชน ที่ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเพชรบุรี ตามโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว หมู่บ้านร่องใหญ่  RONGYAI otopvillage for Tourism  ด้วย  โดยมีสินค้า OTOP ขึ้นชื่อเป็นผลิตภัณฑ์เกลือสปากังหันทอง  สามารถแวะผ่อนคลายด้วยการนวดสปาเกลือได้อีกด้วย



เสร็จสิ้นกิจกรรม เรารับประทานอาหารพื้นถิ่น เช่น แกงคั่วใบชะครามปู  หมึกสายทอด น้ำพริกไข่เค็มกุ้งสะเออะ ปลากระพงต้มขมิ้น ขนมบัวใบชะคราม และข้าวต้มมัดใบชะคราม เป็นต้น อิ่มหนำสำราญได้เวลาเดินทางต่อ...ไปยังจ.ชุมพร




สถานีต่อมา..จังหวัดชุมพร

สักการะ" พ่อตาหินช้าง"ซื้อ"กล้วยเล็บมือนางของฝากขึ้นชื่อ..ที่นี่ชุมพร
ชุมชนพ่อตาหินช้าง  บ้านหินกูบ  ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ซึ่งศาลพ่อตาหินช้าง จ.ชุมพร เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีองค์พระพิฆเนศเก่าแก่ประดิษฐานอยู่เป็นที่นับถือของคนชุมพรและบุคคลทั่วไป ศาลตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมช่วงกิโลเมตรที่ 453-454  เวลาคนเดินทางสัญจรผ่านก็จะได้ยินเสียงแตรรถบีบเพื่อเป็นการสักการะ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เดินทางปลอดภัย เดินทางไปที่ไหนก็จะมีแต่โชคลาภความสำเร็จจะบังเกิด ที่ศาลนี้จะมีผู้คนมาทำการแก้บนอยู่ตลอดเสียงประทัดแก้บนดังไม่ขาดสาย




ที่นี่เราจะเห็นร้านค้าที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ของกล้วยเล็บมือนาง หลากหลายประเภท เช่น เคลือบช็อคโกแล็ต  ฉาบเค็ม ฉาบหวาน อบน้ำผึ้ง  ตากและอบธรรมชาติ  ทอดกรอบ ไอศกรีมกล้วยเล็บมือนาง ซึ่งเป็นของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดชุมพร



        ตามกำหนดเส้นทางการท่องเที่ยว  จะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิที่วัดถ้ำพรุตะเคียน  ศาลพ่อตาหินช้าง พร้อมซื้อของฝาก ชมตลาดน้ำวัดเนินทอง แหล่งรวมสินค้าพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่น   แวะศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชา ชมการสาธิตการทำขนมพื้นถิ่น เช่น ไข่นกกระทา ขนมใบบัว ขนมใบจาก ขนมลา  การทำกาแฟดริปและชาเขียวในชุมชน หากนักท่องเที่ยวที่ต้องการแวะพักที่นี่ก็มีโฮมเสตย์ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง









ตำนานศาลพ่อตาหินช้าง จากบันทึกคำบอกเล่าของนายถวิล อุ้ยนอง อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านใหม่สมบูรณ์ ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ปรากฏตามรายละเอียด ดังนี้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2495 มีชาวไทย เชื้อสายมอญ ประมาณ 6 ครัวเรือนได้มาหักร้างถางพงปลูกกระท่อมอาศัยอยู่ ณ แถบเชิงเขาพ่อตาหินช้าง  ประกอบอาชีพทำไร่เลื่อนลอย ปลูกข้าว ปลูกกล้วยน้ำว้า และทยอยเข้ามาประกอบอาชีพเกษตรกรรมอยู่หลังเขา ด้านที่ติดกับคลองท่าแซะอีกไม่กี่ครัวเรือน ชาวมอญซึ่งนับถือและเคร่งครัดต่อพระพุทธศาสนา ได้สร้างที่พักชั่วคราวไว้ให้พระสงฆ์มาประกอบพิธีกรรม โดยนิมนต์พระมาจากวัดแหลมยาง อำเภอท่าแซะ มาประจำ ณ ที่พักสงฆ์แห่งนี้



ในช่วงนั้นมีการตัดถนนสู่ภาคใต้ บริษัทรับเหมาสร้างถนนมาถึงตรงเชิงเขา ก็พบกับหินก้อนหนึ่งรูปร่างคล้ายช้าง ขนาดไม่ใหญ่โตนัก ช่างที่มาควบคุมงานพยายามใช้เครื่องกลหนักเพื่อเอาหินก้อนนั้นออก แต่มีปัญหารถแทรกเตอร์ไม่สามารถทำงานได้ ทั้งหิน ต้นไม้ (ต้นตะเคียนทองขวางทางอยู่) ชาวบ้านบอกให้บนบานบอกกล่าวเจ้าที่ แต่นายช่างโยธาซึ่งเป็นฝรั่งไม่เชื่อ เมื่อพยายามใช้รถดันเท่าไรก็ไม่ได้ผล จึงตกลงให้ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ โดยถ้าอภินิหารมีจริงก็ขอให้ใช้รถแทรกเตอร์สามารถดันหินขึ้นเขาได้ หากไม่จริงอย่างคำเล่าลือก็จะผลักลงเขาไปเลย ผลปรากฏว่ารถสามารถดันก้อนหินคล้ายรูปช้างขึ้นเขาได้จริง ๆ ทำให้คนงานและนายช่างเกิดความศรัทธา จึงร่วมกับชาวบ้านสร้างศาลพ่อตาหินช้างขึ้น การตัดถนนเพชรเกษมก็ผ่านไปด้วยดี


เมื่อตัดถนนเสร็จรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาก็หยุดสักการะ จุดประทัดกราบไหว้บูชาให้เดินทางปลอดภัย ศาลพ่อตาหลังแรกนั้นสร้างเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่น ปลอดภัย ต่อมามีรถของนายณรงค์ ชวนชัยศิษย์ ชาวกรุงเทพฯ เดินทางผ่านรถเกิดเสียจึงได้พักค้างคืนที่หน้าศาล และได้ทราบเรื่องพ่อตาหินช้าง จึงได้บนบานขอให้ประสบความสำเร็จในงาน แล้วจะสละตัวเป็นร่างทรงให้เจ้าพ่อ เมื่อประสบความสำเร็จดังที่ปรารภไว้ จึงรับเป็นผู้บูรณะ ปรับปรุงศาลให้ดียิ่งขึ้น และได้ตัดถนนขึ้นไปบนภูเขา เพื่อเป็นที่พักผ่อนของผู้มาเยือน

โดยในวันที่ 24  สิงหาคม ของทุกปี นายณรงค์ กับคณะจะมาสักการะถวายเครื่องสังเวยทำพิธีเข้าทรง เพื่อช่วยเหลือลูกหลานให้อยู่เย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรือง โดยจัดให้มีภาพยนตร์ 3 คืนหรือตามที่ขอไว้ เรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าในแถบนี้จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า “พ่อตา” มาอยู่คู่กับคลองท่าแซะ หลายแห่ง เช่น พ่อตาหินงู พ่อตาหินก้อง พ่อตาหินช้าง ท่านจะช่วยดูแลคุ้มครองป้องกัน ไม่ให้สัตว์ที่ไม่ดีมารังแกมนุษย์ได้   หลังเขาพ่อตาหินช้าง  เป็นวังน้ำลึกมีหินที่หน้าผา รูปร่างคล้ายช้างหมอบ ล่างลงไปอีกคุ้งน้ำมีวังน้ำลึกอีกหลายแห่ง ชาวบ้านเรียกว่า“วังพ่อตาและวังแม่ยาย”ยังปรากฏเค้าลางมาถึงปัจจุบัน


ส่วนที่มาของกล้วยเล็บมือนาง มีเรื่องเล่าว่า ชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ นายหนู ลงจับปลาในคลองท่าแซะ ตรงวังพ่อตา ได้เห็นกล้วยเล็บมือนางก็นำมาขายที่หน้าศาลพ่อตาหินช้าง ต่อมานายต๊ะ (นายสมจิต กมสินธ์) มาเปิดร้านขายดอกไม้ ธูปเทียนประทัด และกล้วยเล็บมือนาง นายพลกับนายสาย เห็นว่ากล้วยเล็บมือนางขายดี จึงไปซื้อหน่อกล้วยลักษณะดีจากอำเภอท่าแซะมาปลูกขายให้นายต๊ะ โดยขนหน่อกล้วยมาทางเรือ เมื่อการซื้อขายมีมากขึ้น บางครั้งขายไม่หมด นายต๊ะได้นำกล้วยสุกงอมไปตากแดดมาวางขายเป็นกล้วยตาก จากนั้นชุมชนแห่งนี้ก็ปลูกกล้วยเล็บมือนางขายเป็นอาชีพหลัก และใช้กล้วยเล็บมือนางบดให้ลูกกิน ซึ่งที่อื่นใช้กล้วยน้ำว้า เมื่อมีงานบุญหรือมีแขกมาเยี่ยม ก็จะเอากล้วยเล็บมือนางรับแขก และเป็นของฝากที่ดี มีความหมาย จนเป็นเอกลักษณ์ของบ้านพ่อตาหินช้างมาจนถึงปัจจุบัน





จบภาระกิจ วันแรก 2 จังหวัด เพชรบุรี และชุมพร  ที่เราได้สัมผัสเสน่ห์ใต้ วิถีชีวิตชุมชน ชม ชิม ช้อปชม ช๊อป ชิม ...เที่ยวถึงถิ่น กินอยู่แบบชาวบ้าน ประทับใจกับเรื่องราวดีๆ  เรามาตามอ่าน กิจกรรมวันที่ 2  จังหวัดระนอง  คลิ๊กด้านล่างได้เลยค่ะ


Editter :: Insightoutstory.com
ขอบคุณ :: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

testimonial

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat.

Larry Page

CEO of Google

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat.

Steve Jobs

CEO of apple

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat.

Mark Zuckerberg

CEO of facebook

JOHN DOE
+123-456-789
Melbourne, Australia

SEND ME A MESSAGE

facebook

ค้นหาบล็อกนี้

ขับเคลื่อนโดย Blogger.